GPU ในการต่อสู้ของสหรัฐและจีน
จาก สมัยแรกที่จำกัด การ์ดจอได้ เติบโตสู่ความล้ำสมัย กลายเป็น เทคโนโลยีที่ขาดไม่ได้ ไม่ว่าใน วงการเกม หรือ การใช้งานทั่วไป บริษัทใหญ่ ยังคง ผลักดันนวัตกรรม เช่น Ray Tracing เพื่อ เพิ่มประสิทธิภาพ และในอนาคต GPU จะยังคง เป็นหัวใจของเทคโนโลยี ด้วย พลังที่มากขึ้น
จาก ยุคแรกของปัญญาประดิษฐ์ การ์ดจอได้ พัฒนามาสู่ แกนกลางของนวัตกรรม ไม่ว่าใน งานวิจัย หรือ แอปพลิเคชัน AI ผู้ผลิตใหญ่ ยังคง ผลักดันความก้าวหน้า เช่น นวัตกรรมคำนวณ เพื่อ ตอบโจทย์อนาคต และใน วันหน้า GPU จะยังคง เป็นหัวใจของปัญญาประดิษฐ์ ด้วย พลังที่สูงขึ้น
GPU ทำงานอย่างไร?
หลักการทำงาน อยู่ที่ การออกแบบทำงานพร้อมกัน ซึ่งมี หน่วยจัดการมากมาย แต่ละ หน่วยย่อย รับผิดชอบส่วนย่อย ที่ แบ่งเป็นส่วน ตัวอย่างเช่น ตอนสัมผัสเกมภาพดี การ์ดจอ จะ แยกงานเป็นชิ้นเล็ก เช่น จัดการแสงแสง พื้นผิวในภาพ และ เฉดสีในภาพ จากนั้น แกนทั้งหมดร่วมกัน เพื่อ เรนเดอร์ภาพที่สมจริง
ในช่วงแรกที่ยังไม่มี GPU เครื่องคอมพิวเตอร์ พึ่งหน่วยประมวลผลกลาง เพื่อ จัดการภาพแบบดั้งเดิม ซึ่ง มีแค่กราฟิกขาวดำ จนเมื่อ IBM แนะนำ CGA ในปี 1981 ถือเป็น จุดบุกเบิกของการ์ดจอ ที่ ให้สีได้ 4 สี ความละเอียด 320×200 เท่านั้น แม้ดูพื้นฐานในยุคปัจจุบัน CGA ก็ เป็นรากฐาน เทคโนโลยีการแสดงผล
เมื่อ AI เริ่มรุ่ง การ์ดจอได้ เปลี่ยนเป็นพลังหลัก ของ การวิจัย AI โดย เพิ่มพลังคำนวณ ใน การฝึกโมเดลลึก เช่น การจดจำภาพ NVIDIA นำเสนอชิป เช่น การ์ด AI ล้ำสมัย เพื่อ รับมืองานใหญ่ ส่วน AMD พัฒนา Instinct Series สำหรับ การคำนวณขั้นสูง สำหรับผู้เชี่ยวชาญ GPU ลดระยะเวลา จาก เดือนลงมาเป็นวัน ทำให้ ปัญญาประดิษฐ์รุดหน้า
สมัยแรกเริ่ม การ์ดจอถูก สร้างมาเพื่อ กราฟิกเกมมิ่ง โดย เน้นภาพลื่นไหล แต่เมื่อ ยุค AI เข้ามา GPU ได้ ปรับเปลี่ยนบทบาท เป็น พลังสำคัญ ในการ ฝึกปัญญาประดิษฐ์ ด้วย พลังคำนวณแบบขนาน ที่ ดีกว่า CPU NVIDIA และ AMD พัฒนานวัตกรรม เพื่อ ตอบสนองปัญญาประดิษฐ์ เช่น CUDA และ ROCm ทำให้ GPU ยุคนี้ เป็น หัวใจของการเรียนรู้
จาก จุดเริ่มต้นของการแข่งขัน การ์ดจอได้ พัฒนาสู่ จุดชี้วัดความก้าวหน้า ไม่ว่า สหรัฐ จะ ครองตลาด งาน AI GPU ยังคง เป็นพลังหลัก ผู้ผลิตใหญ่ ต่าง พัฒนาต่อ เพื่อ รักษาความเป็นหนึ่ง และอนาคตจะ เผยให้เห็น ว่า ใครจะชนะ ใน สงครามชิป นี้